วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

การสืบค้นการเจ็บปวดกล้ามเนื้อและกระดูกของคนขับรถแท็กซี่ และปัจจัยเสี่ยงอันเนื่องจากการทำงาน

An Investigation into Taxi Drivers’ Musculoskeletal Pain and Work-Related Risk Factors

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร. พรศิริ จงกล
สาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการ
สำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์
ได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีปีงบประมาณ 2553

วัตถุประสงค์ :
1) เพื่อสำรวจการเจ็บปวดกล้ามเนื้อและกระดูกที่เกิดขึ้นของคนขับรถแท็กซี่
2) เพื่อบ่งชี้ปัจจัยเสี่ยงอันเนื่องจากการทำงาน

ขอบเขตการวิจัย : งานวิจัยนี้ทำการศึกษาการเจ็บปวดกล้ามเนื้อและกระดูกของคนขับรถแท็กซี่และปัจจัยเสี่ยงอันเนื่องจากการทำงาน การเก็บข้อมูลทำในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และจังหวัดนครราชสีมา

การเก็บข้อมูล : โดยการใช้แบบสอบถามและการสังเกต เพื่อเก็บข้อมูลดังนี้คือ
1) ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น อายุ น้ำหนักส่วนสูง การออกกำลังกาย
2) ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะการทำงาน เช่น ระยะเวลาการทำงานและพัก
3) ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะของรถและสภาพการขับขี่ เช่น ความยากง่ายในการปรับเบาะที่นั่ง ความยากง่ายในการใช้อุปกรณ์ต่างๆภายในรถ สภาพถนนในบริเวณที่ให้บริการผู้โดยสาร การเกิดอาชญากรรมและอุบัติเหตุ
4) ข้อมูลเกี่ยวกับการเจ็บปวดกล้ามเนื้อและกระดูก

วิธีวิเคราะห์ : การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิตินั้นทำได้โดยการนับความถี่ และวิเคราะห์สหสัมพันธ์

กลุ่มตัวอย่าง : ผู้ขับรถแท็กซี่จำนวนทั้งหมด 363 คน

ผลการวิจัย
           พบว่าเป็นเพศหญิงจำนวน 12 คน และเป็นเพศชายจำนวน 351 คน โดยมีอายุเฉลี่ย 43.87 ปี ผู้ขับรถแท็กซี่ส่วนใหญ่มาจากภาคอีสาน(ร้อยละ 53.7) ผู้ขับรถแท็กซี่มีประสบการณ์โดยเฉลี่ย 7.26 ปี ระยะเวลาเฉลี่ยในการขับรถแต่ละวันเท่ากับ 12.34 ชั่วโมง ผู้ขับรถแท็กซี่ส่วนใหญ่ช่วยผู้โดยสารยกสัมภาระ 1-2 ครั้งต่อวันและไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำซึ่งอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการบาดเจ็บผู้ขับรถแท็กซี่ส่วนใหญ่เคยเจ็บปวดบริเวณหลังส่วนล่างและคอ มีร้อยละ 7.4 ที่ต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ในขณะที่อีกร้อยละ 12.7 เคยไปพบแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด
การวิเคราะห์สหสัมพันธ์ พบว่าความเจ็บปวดบริเวณหลังส่วนล่างมีความสัมพันธ์กับระยะเวลาในการขับรถแต่ละวันอย่างมีนัยสำคัญความเจ็บปวดบริเวณเข่าและข้อเท้ามีความสัมพันธ์กับความถี่ในการช่วยยกสัมภาระของผู้โดยสารในแต่ละวันอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นการลดระยะเวลาการขับรถในแต่ละวันและการลดความถี่ในการยกสัมภาระของผู้โดยสารอาจช่วยลดความเจ็บปวดบริเวณหลังส่วนล่าง เข่า และข้อเท้าได้

ข้อเสนอแนะ :
          1. ผู้ขับรถแท็กซี่ควรจัดช่วงเวลาหยุดพักเพื่อทำธุระส่วนตัว เช่น เข้าห้องน้ำ ทานอาหาร เพื่อให้ระบบขับถ่ายและย่อยอาหารเป็นไปอย่างปกติ
          2. ผู้ขับรถแท็กซี่ควรเปลี่ยนอิริยาบถในการนั่งขับรถ เพื่อลดการเจ็บปวดกล้ามเนื้อและกระดูก เช่น การขยับขาและแขน การหมุนคอเบาๆ
          3. ผู้ขับรถแท็กซี่ควรปรับเบาะและพนักพิงหลังให้เหมาะสม หากระยะระหว่างลำตัวกับพวงมาลัยมากไปจะทำให้ผู้ขับรถต้องเหยียดแขนและมีโอกาสที่จะปวดไหล่ได้
          4. ในการยกสัมภาระของผู้โดยสาร ผู้ขับรถแท็กซี่จะต้องระมัดระวัง โดยการย่อเข่าลงและให้หลังตรงทั้งตอนยกและวางสัมภาระ
          5. ผู้ขับรถแท็กซี่ควรออกกำลังกายบริหารเป็นประจำเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆของร่างกาย